รีวิวเจาะลึกการถ่ายรูป ด้วยมือถือ Xiaomi Mi 9T

กล้องหน้าสุดชัด 20 ล้านพิกเซลแบบ Pop-up ทันสมัย และกล้องหลังสุดโหดไม่แพ้ใครเหมือนเดิม

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ

ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสนำมือถือ Xiaomi Mi 9T หรือ Redmi K20 มาใช้เป็นเครื่องหลักประมาณ 2 สัปดาห์ โดย Xiaomi Thailand ได้ส่งเครื่องมาให้ทางเพจ วิชาท่องเที่ยว 101 ทดสอบใช้ถ่ายรูปอย่างจริงจังในหลายๆ เหตุการณ์ พาออกไปเที่ยวถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศ เลยจะมาเล่าถึงความสามารถของกล้องมือถือรุ่นนี้อย่างละเอียดครับ

สเปคกล้อง

กล้องหลัง : 3 ตัว

ระบบโฟกัส : PDAF (Phase Detection Auto Focus)

ถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด : 2160p@30fps, 1080p@30/120/240fps, 1080p@960fps

กล้องตัวที่ 1 กล้องหลัก

ความละเอียด : 48 ล้านพิกเซล, F1.8, ระยะ 26 mm, ขนาดเซนเซอร์ 1/2 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน

กล้องตัวที่ 2 Ultrawide กว้างพิเศษ

ความละเอียด : 13 ล้านพิกเซล, F2.4, ระยะ 12 mm, ขนาดเซนเซอร์ 1/3 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน

กล้องตัวที่ 3 Telephoto ซูมไกล 2 เท่า

ความละเอียด : 8 ล้านพิกเซล, F2.4, ระยะ 53 mm, ขนาดเซนเซอร์ 1/4 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน

กล้องหน้า 1 ตัว แบบ Pop-up

ความละเอียด : 20 ล้านพิกเซล, F2.2, ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน

หน้าจอการถ่ายรูป

ฟังก์ชันการถ่ายรูป Xiaomi Mi 9T ถือว่าจัดเต็มเหมือนรุ่นพี่ Mi 9 และ Mi 9 SE เลยครับ มีทั้ง Super Slow Motion มาให้ มีโหมด Night ถ่ายกลางคืน มี HDR และ AI ที่ปรับโทนสีให้อย่างชาญฉลาด มีเลือกแบบถ่ายด้วยความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่วนการตั้งค่ามีแก้ Distortions ของกล้องหน้า ที่เวลาถ่าย selfie แล้ว คนที่อยู่ขอบๆ ภาพหน้าจะบาน หรือเบี้ยว และที่ผมชอบอีกอย่าง คือโหมด Portrait สามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายละลายหลังแบบกว้างๆ หรือซูมแคบๆ ได้ด้วยครับ

บททดสอบของกล้อง ในแต่ละด้านทั้ง 6 ข้ออย่างละเอียด และเจาะลึกการถ่ายรูป มาให้ดูกันครับ

1.) ภาพในที่มีแสงปกติ (กลางวัน) โหมด Auto

1.1        ถ่ายวิวธรรมชาติ ใบไม้ ดอกไม้ = ถ่ายวิว Landscape จะต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมดของภาพมาให้ได้เยอะที่สุด ซึ่งตัวกล้อง Mi 9T สามารถทำได้อย่างดีเลยครับ

1.2        ถ่ายตึกอาคาร ถนน ท้องฟ้า = สังเกตสีของท้องฟ้าค่อนข้างสด ตรงนี้แล้วแต่คนชอบเลย ส่วนตัวตึกยังคมชัดดีเลยครับ

1.3        ถ่ายอาหาร = เร่งสีให้น่ากินขึ้นมาอีกนิดหน่อย ไม่มากจนเกินไป ยังดูธรรมชาติอยู่ครับ

1.4        ถ่ายหลายระยะ (มุมกว้าง, ปกติ, ซูมไกล) = จริงๆ ตัวกล้องสามารถซูมได้ optical ได้มากสุด 2 เท่า แต่ผมลองซูมแบบ digital เป็น 5 เท่าดู ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ

1.5        ถ่ายย้อนแสง HDR = ตัวกล้องจะถ่าย 3 shot อย่างรวดเร็ว และรวมภาพให้ส่วนที่สว่าง และส่วนมืดมีรายละเอียดครับ สังเกตเห็นว่า ยังเห็นท้องฟ้าสีฟ้าข้างหลังสวยอยู่เลยครับ

1.6        ภาพถ่ายระยะใกล้ Macro = กล้องมือถือ Mi 9T สามารถถ่ายได้ค่อนข้างใกล้เลย ห่างประมาณ 12 ซม. จากวัตถุ ทำให้หลังละลายจากเลนส์กล้อง F1.8 ได้ดีเลยครับ

2.) ภายในที่มีแสงน้อย (กลางคืน) โหมด Auto

2.1        ถ่ายวิวธรรมชาติ ใบไม้ ดอกไม้ = จัดการสัญญาณรบกวนได้ค่อนข้างดี รายละเอียดภาพหายไปเล็กน้อย แต่ยังถือว่ารับได้อยู่ครับ

2.2        ถ่ายตึกอาคาร ถนน ท้องฟ้า = เนื่องจากไม่มีกันสั่น OIS บางภาพถ้าแสงน้อยจะมีอาการสั่นไหวให้เห็นบ้าง

2.3        ถ่ายอาหาร = ตอนแสงน้อย ตัวกล้องก็สามารถเร่งสีของอาหารให้สด ไม่ผิดเพี้ยน ดูน่าทานมากขึ้นครับ

2.4        ถ่ายหลายระยะ (มุมกว้าง, ปกติ, ซูมไกล) = ตกใจกับการซูมดิจิตอล 5 เท่าตอนกลางคืนมาก ได้ภาพที่ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

2.5        ถ่ายกลางคืนด้วย Night mode = เป็นอีกหนึ่งโหมดที่ทำให้กล้องมือถือถ่ายได้โกงมาก เพราะมันจะเก็บรายละเอียดในส่วนที่สว่าง highlight และส่วนที่มืด shadow มาได้ครบๆ เลย

2.6        ถ่ายด้วยโหมด Pro มันขาตั้งกล้อง = ถ่ายด้วยโหมด Pro ใช้ขาตั้งกล้อง = เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของกล้องมือถือ Xiaomi ที่สามารถลาก speed shutterได้นานถึง 32 วินาที ยี่ห้ออื่นส่วนใหญ่จะได้ 15-30 วินาที ทำให้กล้องสามารถเก็บแสงมาได้มากกว่าปกติ

3.) ภาพถ่ายบุคคล โหมด Auto และ Portrait = สมัยนี้การละลายด้วย software เนียนขึ้นมากๆ ภาพดูไม่เหมือนเอาแบบมาตัดแปะเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ

4.) กล้องหน้า ถ่ายเซลฟี่ = ทำออกมาได้ดีกว่าธรรมชาติเล็กน้อย อันนี้เลือกระดับ 3 จาก 5 และลองถ่ายย้อนแสงดู หน้าไม่ดำมาก และยังเห็นท้องฟ้าสีฟ้าอยู่ครับ

4.1        ในที่มีแสงปกติ โหมด Auto และ Portrait

4.2        ในที่มีแสงน้อย โหมด Auto และ Portrait

5.) การบันทึกวีดีโอ, กันสั่น, Time Lapse

6.) จุดเด่น / จุดสังเกต ด้านกล้อง

จุดเด่น

– ได้สเปค และความสามารถเทียบเรือธงรุ่นพี่ Mi 9

– สามารถจัดการ Noise ได้ค่อนข้างดีมาก

– โหมด Portrait สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เลนส์ Normal หรือ Tele 2x

– มีฟังก์ชัน Peak ในโหมด Pro สามารถช่วยเรื่อง Manual focus ได้ดีมาก

– การละลายหลังทำได้เนียนมากขึ้น

จุดสังเกต

– ไม่มี OIS กันสั่นมาให้ ถ้ามีแสงน้อย ภาพอาจจะสั่นไหว

– ไม่ได้ใช้ระบบ Autofocus แบบ Dual Pixel ทำให้ช้ากว่าตัว Top เล็กน้อย

– ไม่มี Laser autofocus

– app กล้องไม่รองรับการถ่ายไฟล์ RAW

สรุปการใช้งานภาพรวม

– ขอบจอบาง กว้างเต็มตา เต็มใจ

– แบตอึดมาก อยู่ได้เกินวันสบายๆ

– ลองรับการดู Netflix แบบ HDR

– เครื่องค่อนข้างหนัก ถือมือเดียวนานๆ มีเมื่อย

– กล้อง pop-up สแกนหน้าปลดล็อกไม่ค่อยสะดวก

– เคสมือถือที่แถมมาให้เป็นแบบแข็ง ผิวด้าน แต่จับแล้วไม่หนึบมือ

– ไฟแจ้งเตือนอยู่ข้างบน มองไม่สะดวก

*รูปในกระทู้ไม่มีการปรับแต่งสี และไม่เพิ่มความคมชัด หรือลด noise เพื่อให้เหมือนจากต้นฉบับหลังกล้องมากที่สุด

**รูปในกระทู้มีการครอปภาพ ย่อขนาด และเพิ่มความสว่าง เพื่อให้เห็นรายละเอียดภาพได้มากขึ้น ด้วยโปรแกรม Lightroom

ขอบคุณที่ติดตาม และช่วยกด “+” กระทู้ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค๊าบ

วิน

วิชาท่องเที่ยว 101

https://www.facebook.com/Tourism101/